คนที่เพิ่งซื้อรถและเป็นผู้ขับขี่มือใหม่ ควรทราบไว้ การมีรถยนต์ไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้รถขับขี่เดินทางเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งสำคัญอีกหลายเรื่องที่จะต้องใส่ใจ อย่างเช่นเรื่องของการดูแลรถอย่างถูกต้อง การซื้อ ประกันรถที่เหมาะสม การตรวจสภาพรถ และการต่อภาษีรถยนต์ โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสภาพมักเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลเล็ก ๆ ให้กับผู้ขับขี่มือใหม่เสมอ มาดูกันดีกว่าว่าการตรวจสภาพรถมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
รถมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ถึงต้องเข้าตรวจสภาพ
ผู้ขับขี่มือใหม่หลายคนอาจจะยังสับสนว่ารถเราต้องเข้าตรวจสภาพไหม ในเมื่อเพิ่งซื้อมาขับได้ไม่กี่ปี จริง ๆ แล้วถ้าเป็นการตรวจสภาพรถทั่วไปก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณเองเลย ถ้าขับขี่แล้วรู้สึกรถตอบสนองไม่ดี มีบางอย่างผิดปกติ ก็เข้าตรวจสภาพได้ตามที่ต้องการ โดยปกติทั่วไปแล้วก็มักจะทำกันปีละครั้ง แต่ถ้าเป็นกรณีที่จะตรวจสภาพรถเพื่อต่อภาษีกรมการขนส่งก็จะมีระเบียบปฏิบัติระบุไว้ดังนี้
- รถยนต์ทั่วไป รวมไปถึงรถบรรทุก หากมีอายุการใช้งานนานกว่า 7 ปีขึ้นไปจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจสภาพก่อนต่อภาษี
- รถจักรยานยนต์หากมีอายุการใช้งานนานกว่า 5 ปีขึ้นไป ก็จะต้องเข้ารับการตรวจสภาพก่อนต่อภาษี
- สำหรับรถยนต์ที่มีการไปเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง คือ มีการไปติดตั้งระบบก๊าซ ไม่ว่าจะเป็น NGV หรือ LPG ก็ตาม กรณีนี้จะต้องมีการนำรถเข้าตรวจสภาพทุกปีก่อนที่จะทำการต่อภาษี
ช่วงไหนที่ควรนำรถเข้าตรวจสภาพ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมอันมีกำหนดไว้ในกฎเกณฑ์การนำรถเข้าตรวจสภาพก่อนที่จะทำการต่อภาษีก็คือ การนำรถเข้าตรวจสภาพล่วงหน้าก่อนที่จะครบกำหนดการต่อภาษี 3 เดือน หลังจากการนำรถเข้าตรวจสภาพและทำการต่อภาษีเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จะต้องมีการนำรถเข้าตรวจสภาพอยู่เรื่อย ๆ รถที่ติดระบบก๊าซก็ต้องตรวจทุกปีอยู่แล้วตามข้อกำหนด
ส่วนรถที่เกิน 7 ปีขึ้นไปด้วยความเก่าและสภาพรถก็เป็นสิ่งที่บังคับให้เราต้องนำรถเข้าตรวจสอบสภาพโดยปริยายด้วยเช่นกัน ในกรณีรถเก่าไม่เพียงเรื่องของการตรวจสอบสภาพเท่านั้น เรื่องของการซื้อประกันรถก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คงจะต้องมีการพิจารณาเปลี่ยนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพรถด้วย
ตรวจสภาพรถ ตรวจได้ที่ไหนและมีค่าใช้จ่ายอย่างไร
การเข้ารับการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนที่จะไปต่อภาษีนั้น สามารถทำได้ที่สถานตรวจสภาพรถยนต์ของเอกชนทุกแห่ง โดยสถานที่นั้น ๆ จะมีสัญลักษณ์ ตรอ. ติดไว้ ถ้าพบสถานบริการที่มีสัญลักษณ์นี้ติดอยู่ก็เข้าตรวจได้เลย หรือจะเลือกใช้บริการการตรวจสภาพรถที่กรมการขนส่งทางบกก็ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีการให้บริการในส่วนนี้ด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายในการตรวจนั้นก็จะมีดังนี้
- 150 บาทสำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม ถ้าเกิน 1,600 กิโลกรัม ก็จะคิด 250 บาท
- 60 บาทสำหรับรถจักรยานยนต์
- 535 บาท สำหรับรถยนต์ติดตั้งระบบก๊าซ ราคาจะสูงขึ้นเพราะมีการตรวจอุปกรณ์เพิ่มเติม
ตอนนี้คุณคงพอทราบแล้วว่าการตรวจสภาพรถต้องทำเมื่อไหร่ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นเช่นกันสำหรับผู้ใช้รถทุกคนก็คือ อย่าลืมพิจารณาเรื่องการเลือกซื้อประกันรถภาคสมัครใจด้วย เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจในการเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะมือใหม่เรื่องรถ ควรมีไว้เคียงคู่รถอย่างยิ่ง หากสนใจดูรายละเอียดแผนประกันต่าง ๆ EasyCompare สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ แล้วคุณจะเลือกประกันที่ใช่สำหรับคุณได้อย่างง่ายดาย